MAX BÜSSER & FRIENDS (including ME..)
by Non Phongprapat
หากคุณเป็นคนสนใจเรื่องของนาฬิกาอย่างจริงจัง แต่ไม่รู้จัก Max ก็อาจกล่าวได้ว่าคุณยังไม่ได้รู้จักโลกของนาฬิกาจริงๆ และถ้าคุณลองใช้เวลาอ่านบทความนี้ดูจนจบ คุณจะได้มีโอกาสเปิดโลกทัศน์ใหม่อีกใบพร้อมคำตอบของคำถามที่ว่าทำไมถึงมีคนจำนวนมากชื่นชอบและชื่นชมแบรนด์นาฬิกาที่อาจจะดูแปลกๆ นี้
Maximilian Büsser
Maximilian Büsser เป็นลูกครึ่งสวิส-อินเดีย จบการศึกษาทางด้านไมโครเทคโนโลยีเอ็นจิเนียริ่งจากมหาวิทยาลัยในประเทศสวิสเซอร์แลนด์ งานที่เป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้ผู้คนได้รู้จักกับเค้าคือตำแหน่งผู้จัดการผลิตภัณฑ์ของนาฬิกา Jaeger-LeCultre และย้ายไปทำงานในตำแหน่งกรรมการผู้จัดการของนาฬิกา Harry Winston จนลาออกมาเพื่อสร้างแบรนด์ในฝันของตัวเองภายใต้ชื่อ MB&F ซึ่งด้วยเอกลักษณ์ทางด้านการออกแบบทั้งรูปแบบตัวเรือนและรูปแบบกลไก ในเวลาไม่นาน MB&F ก็ได้ชื่อว่าเป็นแบรนด์นาฬิกาในกลุ่มอินดี้ที่เป็นที่ยอมรับมากที่สุด
MB&F MoonMachine 2
“ตอนที่ผมสร้างแบรนด์ขึ้นมา หลายคนบอกว่าชื่อ MB&F มันเห่ยมาก แต่ผมยังยืนยันในชื่อนี้ และรักในความหมายที่จะบ่งบอกถึงงานทุกๆ ชิ้นที่จะเกิดขึ้นภายใต้ชื่อแบรนด์นี้ ในวงการทุกวันนี้ขาดคนที่รักนาฬิกาอย่างจริงจัง ทุกคนโปรโมทนาฬิกาของตัวเองผ่านเซเลบริตี้ ซึ่งโดยแท้จริงแล้วเซเลบริตี้ของแบรนด์นาฬิกาก็คือคนทำนาฬิกาและผู้มีส่วนร่วมในการผลิตผลงานที่น่าทึ่งนั้นขึ้นมา ผมจึงนำความเป็นมนุษย์เหล่านี้มาใส่ในสมการและนำเสนอผลงานด้วยการเคารพในคนที่มีความคิดสร้างสรรค์ทุกคน ที่ช่วยกันทำให้ผลงานชิ้นนั้นๆ เกิดขึ้น ซึ่งก็ดูเหมือนว่าเราจะเป็นแบรนด์เดียวที่ให้เครดิตกับผู้ที่มีส่วนร่วมในผลงานชิ้นนั้นๆ ทุกคน” Max พูดถึงชื่อแบรนด์ ความหมาย ความคิดสร้างสรรค์ ความเป็นมนุษย์ และความเคารพซึ่งกันและกัน
MB&F HM1
“MB&F เป็นทั้งชีวประวัติและจิตบำบัดของผม ผมยอมรับว่ามันเป็นเรื่องที่เห็นแก่ตัวที่สุดของผมที่จะผลิตนาฬิกาเหล่านี้เพื่อตัวผมเอง ตามความคิดของผมเอง และไม่ใช่สำหรับความต้องการของตลาดหรือใครคนใดคนหนึ่ง นั่นก็เพราะ MB&F เป็นชีวิตของผม” Max กล่าวถึงความเป็นตัวของตัวเอง ความคิดสร้างสรรค์ในแบบของเขาเอง และการเมินเฉยหลายต่อหลายสิ่งที่โลกเป็นอยู่
“A creative adult is a child who survives” ประโยคเด็ดของ Max ที่บอกเล่าอะไรหลายต่อหลายอย่างตลอดกว่า 10 ปีในผลงานมากมายของเขา ซึ่งมันยากที่จะแปลประโยคนี้ออกมาเป็นภาษาไทยให้ได้ภายในบรรทัดเดียว ผมเองลองแปลดูแล้วและลองรวบรวมมาได้ประมาณนี้ ลองเลือกเอาซักประโยคที่ตรงใจกับคุณดู
- ผู้ใหญ่ที่สร้างสรรค์คือการคงอยู่ของความเป็นเด็ก
- เด็กในวันนี้คือผู้ใหญ่ที่มีความคิดสร้างสรรค์
- มนุษย์ตัวใหญ่ที่มีความคิดสร้างสรรค์ได้ ก็เพราะความเป็นเด็กที่ยังคงหลงเหลืออยู่
- ความสร้างสรรค์ในโลกปัจจุบันเกิดขึ้นได้จากความเป็นเด็กในตัวเรา
- ภายในสมองที่สร้างสรรค์ของผู้ใหญ่ จะต้องมีความเป็นเด็กอยู่ในนั้น
- ความคิดสร้างสรรค์ในวัยเด็ก คือผลลัพธ์ของความสร้างสรรค์ในวันนี้ของเรา
- ถ้าสลัดความเป็นเด็กในตัวเราไป ก็จะเหมือนทิ้งความสร้างสรรค์ในตัวเราไปด้วย
- วันเวลาพรากวัยเยาว์พร้อมกับความคอสร้างสรรค์ไปจากเรา
- ความเป็นเด็ก = ความสร้างสรรค์
- คนที่คิดสร้างสรรค์คือคนที่มีความเป็นเด็ก
- คนที่ยังมีความคิดสร้างสรรค์ คนๆ นั้นคือเด็กที่รอดตายและกลับมีชีวิตขึ้นมา
- คนที่มีความสร้างสรรค์ คนๆ นั้นคือเด็กในร่างของผู้ใหญ่
THE FRIENDS
“ผมได้รับโอกาสจากคนที่เชื่อในตัวผมมากกว่าที่ผมเชื่อซะอีก และเขาเสนองานชิ้นแรกให้กับผม ซึ่งผมคิดว่าตอนนี้ผมพร้อมแล้วที่จะเป็นผู้ให้บ้าง” Max พูดถึงอดีตและโอกาสของเขา ที่ในปัจจุบัน MB&F รับนักศึกษาฝึกงานจากมหาวิทยาลัยในโลซานน์ที่เขาจบการศึกษามา เพื่อเข้าร่วมงานเป็นเวลาหกเดือน ซึ่งแน่นอนว่าทุกชิ้นงานที่มีส่วนร่วมเหล่านั้น จะมีชื่อของนักศึกษาคนนั้นๆ ระบุในผลงานด้วยเสมอ
MB&F OCTOPOD
MB&F DESTINATION MOON
MB&F KELYS & CHIRP
“ความสำเร็จของผมไม่ใช่การมีเงินมากมายมหาศาล ผมต้องการเพียงแค่ความสุข ในอดีตที่ผ่านมาผมมีชื่อเสียง มีอำนาจ และมีรายได้มากมายทีเดียว แต่เมื่อความสำเร็จมีมากขึ้น ความสุขที่ได้กลับลดลง ดังนั้นความตั้งใจของผมเมื่อสร้างแบรนด์ของตัวเองขึ้นมา ผมจึงตั้งเป้าไว้ว่าเราจะผลิตนาฬิกาแค่ 300 เรือนต่อปีโดยมีเงินหมุนเวียน 15 ล้านสวิสฟรังค์ และพนักงาน 15 คน ซึ่งเราก็ได้มาถึงจุดนั้นในปีนี้ ซึ่งผมก็บอกกับเพื่อนร่วมงานของผมว่า เราจะไม่ขยายกิจการให้โตไปกว่านี้ แต่จะเป็นโอกาสที่เราจะคิดหาผลงานใหม่ให้ได้มากขึ้น มาถึงตอนนี้เงินเดือนผมยังไม่ถึงครึ่งของเงินเดือนตอนที่อยู่กับ Harry Winston แต่ผมก็ไม่เคยมีความสุขแบบนี้มาก่อนเลยเหมือนกัน” Max ออกตระเวน เล่าเรื่องราวกว่า 10 ปีของ MB&F ให้ผู้คนที่ชื่นชอบนาฬิกาของเขาฟังในช่วงเวลาครบรอบ 10 ปีของแบรนด์เมื่อปี 2013
MB&F ARACHNOPHOBIA
MB&F STARFLEET MACHINE
“ตอนนี้ผมอยู่ที่ดูไบ ทำงานตั้งแต่แปดโมงเช้าถึงบ่ายสามโมงนั่นก็คือช่วงที่ลูกสาวผมไปรร.อนุบาล และตั้งแต่บ่ายสามถึงเวลานอนของลูกสาวผมนั่นคือเวลาแห่งครอบครัว” Max พูดถึงความสุขที่เขาพยายามจะอธิบายว่ามันคืออะไร “ผมไม่เชื่อในเรื่องพระเจ้าแต่เชื่อในมนุษย์ และผมเชื่อว่ามีเพียงคนบางกลุ่มที่เข้าใจในสิ่งที่เราทำและแน่นอนส่วนใหญ่ก็จะไม่ สัดส่วนน่าจะเป็น 10 ต่อ 90” Max บอกกล่าวถึงความจริง ซึ่งสะท้อนให้เห็นภาพที่ชัดเจนของ MB&F ที่ผมเชื่อว่าหลังจากที่อ่านบทความนี้แล้ว คุณน่าจะไม่ลืมเขาและความคิดสร้างสรรค์ รวมไปถึงปรัชญาชีวิตที่เกี่ยวพันกันเสมอกับนาฬิกาแบรนด์นี้ MB&F ซึ่งรวมมาถึงผมด้วย เช่นกัน