GRAND SEIKO, The Tentagraph

ที่งานแสดงนาฬิกา Watches and Wonders 2023 นี้แบรนด์นาฬิกา GRAND SEIKO ได้เปิดตัวนาฬิกาจักรกลระดับความซับซ้อนสูงแบบแรก และเป็นนาฬิกาในซีรี่ส์นาฬิกาสปอร์ตจากคอลเลคชั่น Evolution 9 ใหม่ ทั้งยังเป็นการเพิ่มเติมรูปแบบใหม่ให้กับนาฬิกาสปอร์ต Evolution 9 ด้วยการนำเสนอนาฬิกากลไกโครโนกราฟชนิดจักรกลแบบแรกขึ้น ในชื่อว่า Tentagraph จากพื้นฐานของกลไกไฮ-บีทคาลิเบอร์ 9SA5 สู่ชุดกลไกใหม่ที่ถือเป็นการกำหนดมาตรฐานในการจับเวลาจาก GRAND SEIKO โดยมีพื้นฐานอันแข็งแกร่งจากกลไกตระกูล 9S ที่มั่นใจได้ถึงประสิทธิภาพระดับสูงสุด เพราะการแสวงหาความแม่นยำคือหัวใจของนาฬิการุ่นใหม่ ดังนั้นการเลือกใช้กลไกไฮ-บีทคาลิเบอร์ 9SA5 เพื่อเป็นพื้นฐานในการพัฒนา สู่กลไกอินเฮ้าส์โครโนกราฟคาลิเบอร์ 9SC5 ใหม่ที่ทำงานในระดับความถี่สูงถึง 10 รอบต่อวินาทีนี้ เช่นเดียวกับกลไกคาลิเบอร์ 9SA5 จึงสามารถมั่นใจได้ถึงความแม่นยำระดับสูง แม้เมื่อทำการจับเวลาอยู่พร้อมกัน และด้วยการใช้เอสเคปเมนต์ที่สามารถช่วยให้ ประหยัดพลังลานและการใช้ตลับลาน 2 ชุด จึงทำให้นาฬิกาสามารถทำงานได้นานถึง 3 วันแม้ในขณะที่กลไกจับเวลาทำงานอยู่ก็ตาม รวมกันทั้งหมดนี้จึงทำให้ Tentagraph ถือเป็นกลไกโครโนกราฟที่มีระดับความถี่ 10 บีทพร้อมพลังสำรองลานที่ยาวนานที่สุดในขณะนี้

 

Screen Shot 2566 04 02 at 10.47.03

 

นอกจากนี้ Tentagraph ยังต้องผ่านขั้นตอนการทดสอบแบบใหม่ ที่ใช้เวลาทดสอบยาวนานขึ้นกว่าเดิม ด้วยความแม่นยำของเวลาในแต่ละวันของ Tentagraphจะถูกประเมินใน 6 ตำแหน่งและที่ 3 ระดับอุณหภูมิเป็นเวลา 17 วัน เช่นเดียวกับกลไกจักรกลของ GRAND SEIKO ทุกชุด แต่จะเพิ่มการทดสอบอีก 3 วัน เพื่อประเมินในอีก 3 ตำแหน่งขณะที่กลไกจับเวลากำลังทำงานอยู่ จึงทำให้โดยรวมแล้วกลไก Tentagraph แต่ละชุดจะถูกทดสอบเป็นเวลา 20 วันเพื่อให้แน่ใจได้ว่า เป็นไปตามมาตรฐานความแม่นยำของ GRAND SEIKO ที่ระดับ +5 ถึง -3 วินาทีต่อวัน จึงกล่าวได้ว่ากลไกTentagraphถือเป็นการเปิดฉากประวัติศาสตร์หน้าใหม่ของ GRAND SEIKOโดยชื่อ Tentagraph นำมาจากชุดคำว่า Ten beeasts per second, Three days of power reserve และ Automatic Chronograph ที่บ่งบอกถึงอัตราความถี่ระดับสูง พลังสำรองลานที่ยาวนาน และชุดกลไกโครโนกราฟอัตโนมัติ ที่ถือเป็นการผสมผสานของเทคโนโลยีการประดิษฐ์นาฬิกาจักรกลที่ดีที่สุดของ GRAND SEIKO พร้อมทั้งยังสามารถมองเห็นการตกแต่ง อันงดงามของชุดกลไกได้จากฝาหลังที่กรุกระจกแซฟไฟร์ โดยกลไกคาลิเบอร์นี้จะมีคุณลักษณะของระบบ การปล่อยจักรแบบดูอัลอิมพัลซ์เอสเคปเมนต์ อันเป็นระบบระดับปฏิวัติวงการ ซึ่งเป็นการส่งผ่านพลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ ไปยังจักรกลอกแบบฟรี-สปรัง

 

Screen Shot 2566 04 02 at 10.47.10

 

โดยส่งพลังงานอ้อมผ่านพัลเลทฟอร์ก แต่ยังคงส่งผ่านโดยตรงจากจักรเอสเคปไปพร้อมกันด้วย นอกจากนี้ยังมีเทคโนโลยีเมมส์ (MEMS) ที่ช่วยให้มั่นใจได้ว่าชิ้นส่วนต่างๆ ของระบบปล่อยจักร จะมีความถูกต้องแม่นยำระดับสูง จากรูปทรงและขนาดที่มีน้ำหนักที่เบาพร้อมความทนทานระดับสูง ที่ช่วยให้ระบบปล่อยจักรสามารถใช้พลังงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น และทำให้ได้มาซึ่งพลังสำรองลานที่ยาวนาน พร้อมยังคงจุดเด่นของกลไกโครโนกราฟสมัยใหม่ที่มีคุณภาพสูง ที่มีชุดคลัทช์แนวตั้งและคอลัมน์วีล ที่ช่วยให้มั่นใจได้ในเรื่องความแม่นยำแ ละความสามารถในการทำงานในระดับสูง จากการที่คลัทช์แนวตั้งจะช่วยขจัดอาการสั่น หรือกระตุกของเข็มเมื่อเริ่มทำการจับเวลา พร้อมเพิ่มความแม่นยำในการจับเวลา ในขณะที่คอลัมน์วีลจะช่วยให้ควบคุม การทำงานของกลไกจับเวลาได้อย่างแม่นยำมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังเลือกใช้เป็นวีลแบบ 3 แฉก ที่ช่วยให้มั่นใจได้ว่าเมื่อกดปุ่มรีเซ็ตแล้ว เข็มจะกลับสู่ตำแหน่งศูนย์ในทันที ที่แสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพการทำงานที่ประสานกันได้อย่างสมบูรณ์แบบ ร่วมกันเป็นนาฬิกาสปอร์ต Evolution 9 ที่ตรงตามอุดมคติของ GRAND SEIKO พร้อมคงความงดงามอย่างหมดจด ด้วยการตกแต่งผิวแบบกระจกเงาที่ไร้การบิดเบือนของภาพสะท้อน      จากการขัดเงาในเทคนิคซารัทสึ

 

Screen Shot 2566 04 02 at 10.47.35

 

พร้อมความต่างของตกแต่งลายเส้นละเอียดแบบแฮร์ไลน์ ที่ช่วยทำให้ตัวเรือนเปล่งประกายในรูปแบบที่สอดคล้องกับคุณลักษณะแห่ง Evolution 9 Style โดยมีหน้าปัดย่อยแสดงวินาทีที่ตำแหน่ง 3 นาฬิกา พร้อมหน้าปัดจับเวลา 30 นาทีที่ตำแหน่ง 9 นาฬิกา และหน้าปัดจับเวลา 12 ชั่วโมงที่ตำแหน่ง 6 นาฬิกา โดยเพื่อให้ตรงกับอุดมคติแห่งนาฬิกาสปอร์ตของ GRAND SEIKO ให้ปรากฏเห็นได้อย่างชัดเจน เข็มนาฬิกาที่ดูทรงพลังและหลักชั่วโมงที่มีแนวร่องอันโดดเด่นตามรูปแบบ Evolution 9 Style จึงถูกจัดวางอย่างครบถ้วน เพื่อช่วยให้สามารถอ่านค่าเวลาได้อย่างชัดเจนเป็นที่สุด จากเข็มโครโนกราฟแสดงเวลาวินาทีจะโค้งตัวอย่างนุ่มนวลลงสู่ขอบหน้าปัด เพื่อให้ปลายเข็มเข้าใกล้กับหลักบอกเวลาบนหน้าปัดมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ทั้งยังมีความยาวไปจนถึงหลักบอกเวลาที่อยู่บริเวณส่วนริมสุดของหน้าปัด และเข็มนาทีก็โค้งตัวลงอย่างนุ่มนวลเพื่อให้อ่านค่าเวลาได้อย่างชัดเจนเช่นกัน พร้อมขอบตัวเรือนทำผลิตขึ้นจากเซรามิค เพื่อปกป้องนาฬิกาจากการขีดข่วนและเพิ่มความทนทานมากยิ่งขึ้น โดยเข็มและหลักชั่วโมงจะถูกเคลือบด้วยสารเรืองแสงลูมิไบรท์ เพื่อให้สามารถอ่านค่าในเวลากลางคืนได้ พร้อมรูปทรงตัวเรือนที่โค้งมน ขาสายที่กว้าง และจุดศูนย์ถ่วงของตัวเรือนที่ต่ำ เพื่อให้มอบความสบายสูงสุดบนข้อมือของผู้สวมใส่

 

Screen Shot 2566 04 02 at 10.47.57

 

ซึ่งตัวเรือนและสายจะผลิตขึ้นจากไทเทเนียมชนิดความหนาแน่นสูง ที่มีน้ำหนักเบากว่าและต้านทานต่อการขีดข่วนได้มากกว่าสตีลถึง 30% เพื่อให้มีความทนทานสูงสุด โดยมีปุ่มกดทรงโค้งทั้งสองที่ช่วยให้การกดใช้งาน ฟังก์ชั่นโครโนกราฟสามารถกระทำได้อย่างมั่นใจในระดับสูงสุด กับพื้นหน้าปัดที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากภูเขาอิวาเตะพร้อมพื้นผิวอันประณีต ผนวกเข้ากับหลักชั่วโมงที่โดดเด่นพร้อมวงหน้าปัดย่อยที่อยู่ในระนาบลึกลงไป เพื่อเพิ่มความลึกและความชัดเจนให้กับดีไซน์การออกแบบ โดยหน้าปัดใน “รูปแบบภูเขาอิวาเตะ” นี้ถือเป็นรูปแบบเฉพาะตัวของ GRAND SEIKO ที่ได้แรงบันดาลใจมาจากแนวสันเขาของภูเขาในอาณาบริเวณใกล้เคียง ที่มองเห็นได้ผ่านหน้าต่างของสตูดิโอชิสุกุอิชิ ที่ซึ่งนาฬิกา Tentagraph และนาฬิกาจักรกลรุ่นอื่นๆ ทั้งหมดของ GRAND SEIKO ถูกประกอบและทำการปรับแต่งด้วยมือ ซึ่งรูปแบบหน้าปัดแบบภูเขาอิวาเตะนี้ ปรากฏขึ้นเป็นครั้งแรกในปี 2006 จากนั้นเป็นต้นมา รูปแบบเช่นนี้ก็มีความเกี่ยวเนื่องอย่างลึกซึ้ง กับการประดิษฐ์นาฬิกาจักรกลของ GRAND SEIKO มาโดยตลอด พร้อมจุดตระหง่านสูงสุดแห่งขุนเขา ที่ถือเป็นแรงบันดาลใจที่ยั่งยืนให้กับแบรนด์ ซึ่งการเลือกใช้หน้าปัดรูปแบบนี้ กับนาฬิกากลไกโครโนกราฟจักรกลแบบแรกของแบรนด์ ก็ถือเป็นทั้งการแสดงสัญลักษณ์และเป็นรูปแบบที่มีความเหมาะสมอย่างยิ่ง

 

Screen Shot 2566 04 02 at 10.46.52

 

เมื่อผสานรวมเข้ากับเฉดสีน้ำเงินอันแสนงดงามแล้ว หน้าปัดของนาฬิการุ่นนี้จึงนำพาให้เกิดจินตนาการถึงท้องฟ้ายามค่ำคืนเหนือภูเขาอิวาเตะอันแสนงดงาม ซึ่งนาฬิกา GRAND SEIKO Tentagraph, Ref. SLGC001 ใหม่นี้จะมีตัวเรือนในขนาด 43.2 มิลลิเมตร หนา 15.3 มิลลิเมตร พร้อมความสามารถในการกันน้ำที่ระดับ 10 บาร์ และระดับความต้านทานสนามแม่เหล็กที่ 4,800 แอมแปร์/เมตร โดยจะเข้าร่วมอยู่ในนาฬิกาคอลเลคชั่น Evolution 9 และวางจำหน่ายที่บูติคนาฬิกา GRAND SEIKO และตัวแทนจำหน่ายบางแห่งที่ถูกคัดเลือก ตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2023 เป็นต้นไป พร้อมราคาจำหน่ายในประเทศไทยที่ 557,500 บาท

 

GS12