ความงามของฟากฟ้าอันสดใสแห่งอิวาเตะ

นาฬิการุ่นที่สองเพื่อการรำลึกถึงกลไกคาลิเบอร์ 9S ที่อยู่คู่กับ GRAND SEIKO มาตั้งแต่ยุคเริ่มต้น โดดเด่นด้วยหน้าปัดสีฟ้าที่แสดงถึงฟากฟ้าอันสดใส และกว้างไกลที่มองเห็นจากยอดเขาอิวาเตะ เพื่อนำพาผู้สวมใส่ให้ออกเดินทางไปยังอิวาเตะ แหล่งกำเนิดของนาฬิกาจักรกลจาก GRAND SEIKO  พร้อมลวดลายซันเรย์ดุจแสงอาทิตย์อันโดดเด่น ที่ตกแต่งบนพื้นผิวหน้าปัดที่สามารถสะท้อนแสงได้จากทุกมุม ก่อให้เกิดเป็นฉากหลังสีฟ้าอันน่าทึ่งให้กับทั้งเข็มแสดงเวลาชั่วโมง นาที และหลักชั่วโมงที่ตัดเจียรดุจเพชร ส่วนเข็มแสดงวินาทีนั้นถูกเผาให้เป็นสีน้ำเงินแบบบลูด์ และมีการใช้สัญลักษณ์ของ GRAND SEIKO สีทองบนหน้าปัดเพื่อการรำลึกถึงกลไกคาลิเบอร์ 9S

 

Screenshot 2566 01 24 at 00.30.26

 

ด้วยสีน้ำเงินอันเป็นเอกลักษณ์ของนาฬิกาจาก GRAND SEIKO ที่ปรากฎให้เห็นบนโรเตอร์ซึ่งเป็นการทำให้เกิดสีด้วยกระบวนการอโนดิคออกซิเดชั่น เช่นเดียวกันกับรุ่นหน้าปัดสีเงิน เพื่อให้ทุกคนสามารถชื่นชมความงดงามของกลไกได้ ผ่านทางกระจกแซพไฟร์ที่กรุบนฝาหลัง กับกลไกอัตโนมัติคาลิเบอร์ 9S65 ที่ให้อัตราความแม่นยำเฉลี่ยรายวันอยู่ที่ระดับ +5 ถึง -3 วินาทีต่อวัน พร้อมพลังสำรองลานอันยาวนานถึง 3 วัน โดยจัดสร้างขึ้นให้เป็นนาฬิกาในแบบลิมิเต็ดเอดิชั่น กับจำนวนการผลิตที่จำกัด 1,200 เรือน ซึ่งจะเริ่มจำหน่ายที่บูติคนาฬิกา GRAND SEIKO และตัวแทนจำหน่ายที่คัดเลือกทั่วโลกในเดือนเมษายน 2023 ที่จะถึงนี้

 

Screenshot 2566 01 24 at 00.30.06

 

GRAND SEIKO ใน Heritage Collection, Ref. SBGR325, Caliber 9S 25th Anniversary Limited Edition มีชุดกลไกที่ทำงานในความถี่ระดับ 28,800 ครั้งต่อชั่วโมง หรือ 8 บีทต่อวินาที โดยมีตัวเรือนและสายที่ผลิตจากสตีล กรุด้วยกระจกแซพไฟร์ชนิดโค้งทั้ง 2 ฝั่งเคลือบกันแสงสะท้อน พร้อมฝาหลังแบบขันเกลียว ปลอดภัยด้วยชุดล็อคสายแบบบานพับ 3 ทบที่ปลดล็อคด้วยการกดปุ่ม ให้ความสามารถในการกันน้ำที่ 10 บาร์ และความสามารถในการต้านทานพลังแม่เหล็กไฟฟ้าที่ระดับ 4,800 แอมแปร์/เมตร โดยมีตัวเรือนขนาดคลาสสิคที่ 37 มิลลิเมตร พร้อมความหนาของตัวเรือนที่ 13.3 มิลลิเมตร โดยจะมีราคาจำหน่ายในประเทศไทยที่ 211,100 บาท

 

Screenshot 2566 01 24 at 00.29.42

Screenshot 2566 01 24 at 00.29.19

 

 Screenshot 2566 01 24 at 00.38.46