DE BETHUNE presents a watch endowed with two faces

 

นาฬิกาสองด้านไม่ใช่สิ่งประดิษฐ์ล่าสุด แต่เป็นเวลากว่าสองศตวรรษแล้ว ที่การนำเสนอรูปแบบนี้ถือกำเนิดขึ้น ด้วยมือของช่างนาฬิกาที่เปิดรับแนวคิดใหม่ๆ และมักได้รับแรงบันดาลใจจากดาราศาสตร์ งานศิลปะ งานการตกแต่ง และวิศวกรรมเครื่องกล ที่ส่งผลถึงเรื่องของนาฬิกาในยุคต่างๆ ที่ผ่านมา และด้วยความพยายามในการพัฒนารูปแบบที่ซับซ้อนมากขึ้นเรื่อยๆ หน้าปัดนาฬิกาแบบสองด้านนี้จึงกลายเป็นที่แพร่หลายขึ้น ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในการแก้ปัญหา และช่วยให้สามารถความเชี่ยวชาญในด้านสุนทรียศาสตร์ และเทคนิคได้อย่างเต็มที่เป็นเท่าตัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการทำให้สามารถแสดงฟังก์ชั่นต่างๆ ได้มากขึ้น

 

Screen Shot 2564 02 23 at 22.48.25

 

ซึ่งประวัติความเป็นมาของเครื่องบอกเวลาชั้นสูง จะมีความสำเร็จที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้อยู่เสมอ โดยในยุคฟื้นฟูศิลปวิทยา อย่างเช่นนาฬิกาหอคอยซึ่งมีชื่อเสียงที่สุดในเวนิสจะมีหน้าปัดหลายด้าน รวมทั้งนาฬิกาตั้งโต๊ะบางรุ่น ที่มีหน้าปัดสี่เหลี่ยม ก็มักจะมีหลายหน้าปัดในเรือนเดียว ตามมาด้วยยุคที่นาฬิกาพกจะมีหน้าปัดสองด้าน ซึ่งเรือนที่เป็นที่รู้จักกันดีที่สุดก็คือ LEROY 01โดย Louis Leroy ที่นำเสนอสู่ตลาดในปี 1900 และได้รับรางวัลชนะเลิศกรังด์ปรีซ์ในงาน Paris World Fair ซึ่งยังคงเป็นนาฬิกาที่ซับซ้อนที่สุดเท่าที่เคยมีมาในประวัติศาสตร์

 

Screen Shot 2564 02 23 at 22.48.11

 

ส่วนนาฬิกาแบบสองหน้าปัดในยุคร่วมสมัย ที่ความพิเศษจะอยู่ที่ความซับซ้อนของกลไกในระดับสูง และภายใต้ความเรียบง่ายที่มองเห็นได้ชัดของนาฬิการุ่นนี้ DE BETHUNE ไม่ได้ใช้วิธีที่ง่ายที่สุดกับนาฬิการุ่นนี้ ในการสร้างนาฬิกาแบบสองหน้าปัด แต่เลือกวิธีการรวบรวมความท้าทายในเชิงการผลิตอย่างแท้จริงเป็นหลัก โดยจะเห็นได้จากมุมมองด้านหลัง และด้านหน้าที่จะสามารถเผย ให้เห็นการเปลี่ยนแปลงในการทำงานได้อย่างแท้จริง

 

Screen Shot 2564 02 23 at 22.49.38

 

ด้านหน้าของ DB Kind of Two Tourbillon แสดงหน้าปัดที่มีการออกแบบร่วมสมัยที่เพรียวบาง พร้อมเข็มแสดงเวลาชั่วโมงและนาทีบริเวณกลางหน้าปัด เช่นเดียวกับกรงตูร์บิยองที่ตำแหน่ง 6นาฬิกา พร้อมวงแสดงเวลาวินาที รวมทั้งแสดงการทำงานในการผสมผสาน รูปทรงโค้งมนของชิ้นส่วนแบบขัดด้านหรือมันวาว ที่มีทั้งความหนาและระดับที่แตกต่างกัน จึงสร้างความรู้สึกถึงพื้นที่กว้างและบริจด์ของกรงตูร์บิยองในรูปแบบใหม่ ที่มีทั้งความสมมาตรและการจัดวางที่สวยงามสมบูรณ์แบบ ผนวกกับองค์ประกอบรูปแบบสามเหลี่ยมบนพื้นหน้าปัด

 Screen Shot 2564 02 23 at 22.47.46

 

อีกด้านหนึ่งก็เผยให้เห็นหน้าปัด ที่ได้แรงบันดาลใจมาจากสุนทรียศาสตร์แบบดั้งเดิม โดยมีส่วนกึ่งกลางที่มีการสลักลายกิโยเช่ด้วยมืออย่างประณีต ล้อมรอบด้วยตัวเลขบาร์บิคในลักษณะเดียวกันกับหน้าปัดของนาฬิการุ่น  DB8 และ DB10 Tourbillon พร้อมกับชุดเข็มวินาทีในตำแหน่งที่อยู่ตรงกลาง ซึ่งต่างจากด้านตรงข้าม และแสดงให้เห็นถึงความท้าทายทางเทคนิคที่ละเอียดอ่อนอย่างยิ่ง ซึ่งไม่จำเป็นต้องมองเห็นได้ในทันที และทำให้กลายเป็นความสง่างามอันแสนพิเศษของนาฬิกาเรือนนี้ โดยรวมไปถึงความซับซ้อนของสลักลอย ที่ช่วยให้การหมุนหน้าปัดเป็นไปได้อย่างสะดวก ซึ่งต้องมีกลไกในชุดหมุนนี้ถึง 28 ชิ้น

 

Screen Shot 2564 02 23 at 22.49.02

 

วัสดุอันมีความแข็งแกร่งเช่นสตีลชนิดพิเศษหรือไทเทเนียม จะถูกเลือกใช้อย่างบรรจงเพื่อให้แน่ใจได้ถึงความสามารถในการกันน้ำและความชื้น รวมไปถึงการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิในแต่ละพื่นที่ และบนผิวหนังซึ่งต้องมีการสัมผัสอยู่ตลอดเวลา ภายใต้รูปแบบของตัวเรือนในลักษณะเดียวกันกับนาฬิการุ่น DB29 อันเป็นรูปแบบตัวเรือนที่พิเศษและเป็นหนึ่งในเอกลักษณ์ของ DE BETHUNE โดยมีเม็ดมะยมอยู่ในตำแหน่ง 12 นาฬิกาและ 6 นาฬิกาตามรูปแบบหน้าปัดที่เลือกใช้

 

Screen Shot 2564 02 23 at 22.49.18

 

โดยรวมแล้วจึงกลายเป็นนาฬิกาที่ผ่านการออกแบบที่หรูหรา และความผสมผสานระหว่างกลไกร่วมสมัยกับหน้าแบบดั้งเดิม ที่ผ่านการเอาใจใส่อย่างพิถีพิถันสำหรับรายละเอียดเพื่อความชัดเจนและความสะดวกสบาย ดังนั้น DB Kind of Two Tourbillon จึงแสดงให้เห็นถึงหลักการที่ยอดเยี่ยมประการหนึ่งของ DE BETHUNE นั่นคือการตีความประเพณีที่ยิ่งใหญ่ด้วยวิสัยทัศน์ร่วมสมัย จนกลายเป็นรูปแบบใหม่ที่ละเอียดอ่อนและซับซ้อน ในขณะที่ยังคงความสามารถในการอ่านค่าเวลาได้อย่างง่ายดาย บนรูปแบบงานศิลปะที่มีสองใบหน้า ซึ่งเป็นความงามเหนือกาลเวลา ที่สะท้อนให้เห็นถึงความสมบูรณ์แบบของกลไกและความงดงามไปพร้อมกัน

 

Screen Shot 2564 02 23 at 22.46.39

Screen Shot 2564 02 23 at 22.46.02