SIHH 2012 - New pieces from CARTIER

 

นาฬิการุ่นใหม่ล่าสุดปี 2012 จาก CARTIER ซึ่งได้เปิดตัวในงาน SIHH เมื่อเดือนมกราคม 2012 ที่ผ่านมานี้ มีออกมาให้เป็นเจ้าของกันหลากหลายรูปแบบ โดยแบ่งออกเป็นคอลเลคชั่นต่างๆ ตามลักษณะการสร้างสรรค์ที่แตกต่างกัน ได้แก่ The Fine Watchmaking Collection, Tank Collection, Cartier d’Art และ The High Jewellery Collection เรียกว่ามีทั้งแบบคอมพลิเคชั่น แบบสุดยอดงานศิลป์ แบบพร่างพราวไปด้วยเพชร จนถึงแบบโปรดักชั่นปกติ เชิญรับชมได้เลยครับ

 

 

THE FINE WATCHMAKING COLLECTION

 

Grand Complication Skeleton pocket watch

 

Unknown

 

Grand Complication Skeleton pocket watch มาในตัวเรือนไวท์โกลด์ขนาดพอดีมือที่ 59.2 มิลลิเมตร ใกล้เคียงกับ Cartier เคยสร้างขึ้นสำหรับลูกค้าคนสำคัญในยุคปลายศตวรรษที่ 19 แกะเป็นงานโอเพ่นเวิร์คโครงสร้างเลขโรมัน 12 ตัวซึ่งใช้เวลาในการสร้างและขัดแต่งอย่างน้อย 100 ชั่วโมงด้วยมือ ภายในบรรจุกลไกไขลานตูร์บิยองอินเฮ้าส์ Calibre 9436 MC ทำสเกเลตัน กำลังสำรอง 8 วัน 37 จิวเวล ทำงานที่ความถี่ 21,600 ครั้งต่อชั่วโมง ประกอบด้วยชิ้นส่วน 457 ชิ้น ที่มองเห็นความงามของการขัดแต่งชิ้นส่วนด้วยมือซึ่งใช้เวลากว่า 200 ชั่วโมงได้ด้วยสายตาจากทั้งด้านหน้าและด้านหลังผ่านกระจกแซฟไฟร์คริสตัลทรงโค้ง เด่นด้วยบริดจ์ยึดกรงตูร์บิยองรูปตัว C อันเป็นสัญลักษณ์แห่ง Cartier และยังเพิ่มความซับซ้อนให้กับกลไกยิ่งขึ้นด้วยฟังก์ชั่นโครโนกราฟปุ่มกดเดียวซึ่งประกอบอยู่กับเม็ดมะยมไวท์โกลด์ซึ่งประดับปลายด้วยแซฟไฟร์คาโบชองและฟังก์ชั่นเพอร์เพทชวลคาเลนดาร์ซึ่งไม่ต้องการการปรับตั้งจนถึงปี 2100 เคาน์เตอร์ทำจากทอง บอกวันร่วมกับนาทีจับเวลา ณ ตำแหน่ง 12 นาฬิกา บอกวันร่วมกับกำลังสำรอง ณ ตำแหน่ง 3 นาฬิกา และเดือน ณ ตำแหน่ง 9 นาฬิกา ด้วยเข็มบลูด์สตีล แสดงลีพเยียร์บนช่อง ณ ตำแหน่ง 10 นาฬิกา ผลิตในจำนวนจำกัด 10 ชิ้น และอีก 5 ชิ้นในตัวเรือนประดับเพชร

 

Rotonde de Cartier Minute Repeater Flying Tourbillon

 

Unknown 1

 

นาฬิกาตัวเรือนขนาด 45 มิลลิเมตรที่มีชื่อว่า Rotonde de Cartier Minute Repeater Flying Tourbillonรุ่นนี้มาพร้อมกับกลไกฟลายอิ้งตูร์บิยองอินเฮ้าส์พร้อมฟังก์ชั่นมินิทรีพีทเตอร์สั่งการทำงานด้วยปุ่มกด ณ ตำแหน่ง 8 นาฬิกา ที่ผนวกเข้ากับความเที่ยงตรงของกลไกฟลายอิ้งตูร์บิยองซึ่งติดตั้งไว้ที่ตำแหน่ง 12 นาฬิกา ทำงานที่ความถี่ 21,600 ครั้งต่อชั่วโมง ขึ้นลานด้วยมือ กำลังสำรอง 50 ชั่วโมง Calibre 9402 MC ประกอบขึ้นจาก 447 ชิ้นส่วน 47 จิวเวล ได้รับการรับรองความประณีตของงานด้วยเจนีวาซีล ชื่นชมความงามได้ผ่านทางฝาหลังแซฟไฟร์ หน้าปัดแกะลายกิโยเช่ เข็มบลูด์สตีล วัสดุตัวเรือนมีให้เลือกระหว่างไทเทเนียมเกรด 5 หรือพิงค์โกลด์ ผลิตในจำนวนจำกัดวัสดุละ 50 เรือน โดยมีเวอร์ชั่นประดับเพชรทรงบาแกตต์ให้เลือกด้วย

 

Rotonde de Cartier Annual Calendar

 

Unknown 2

 

Rotonde de Cartier Annual Calendar มาในตัวเรือนขนาด 45 มิลลิเมตร มีให้เลือกระหว่างวัสดุไวท์โกลด์หรือพิงค์โกลด์ หน้าปัดมัลติเลเยอร์สีซิลเวอร์ วงด้านในแกะลายกิโยเช่ เข็มบลูด์สตีลทรงดาบ บอกวันและเดือนที่ระบุอยู่รอบหน้าปัดใน 2 ระดับรัศมีด้วยเข็มหัวค้อนที่ปรากฏให้เห็นเฉพาะปลายสีแดง กลไกอัตโนมัติอินเฮ้าส์ Calibre 9908 MC 32 จิวเวล ประกอบด้วยชิ้นส่วน 239 ชิ้น ทำงานที่ความถี่ 28,800 ครั้งต่อชั่วโมง กำลังสำรอง 48 ชั่วโมง ตั้งวัน วันที่ และเดือน ได้อย่างง่ายดายจากเม็ดมะยม พัฒนาจากพื้นฐานของเครื่อง 1904 MC เด่นด้วยช่องหน้าต่างคู่แสดงวันที่ขนาดใหญ่ที่ตำแหน่ง 12 นาฬิกา มองเห็นความงามของการขัดแต่งกลไกด้วยมือได้ผ่านทางฝาหลังแซฟไฟร์

 

Rotonde de Cartier Cadran Love Tourbillon

 

Unknown 3

 

Rotonde de Cartier Cadran Love Tourbillon ตัวเรือนไวท์โกลด์ขนาด 46 มิลลิเมตร ฝาหลังแซฟไฟร์เผยความเนียนของเพลทขัดลายเจนีวาสไตรพ์ กริดเลขโรมันบนหน้าปัดที่วางเลย์เอ้าท์แบบเยื้องศูนย์ทำจากวัสดุไวท์โกลด์ ด้านในแกะลายกิโยเช่ เข็มบลูด์สตีลทรงดาบ กลไกไขลานอินเฮ้าส์ฟลายอิ้งตูร์บิยองชิ้นส่วน 167 ชิ้น 19 ชิ้นส่วน ทำงานที่ความถี่ 21,600 ครั้งต่อชั่วโมง กำลังสำรอง 50 ชั่วโมง Calibre 9458 MC รับรองความงดงามและคุณภาพด้วยเจนีวาซีล กรงตูร์บิยองรูปแบบตัว C ซึ่งมีจุดเด่นอยู่ที่การจัดวางตำแหน่งซึ่งต่างจากธรรมเนียมปฏิบัติทั่วไปโดยทำให้ลอยเด่นออกมาจากบริดจ์แทนที่จะอยู่ภายในระหว่างบริดจ์กับเพลทเหมือนปกติ ผลิตในจำนวนจำกัด 100 เรือนในตัวเรือนไวท์โกลด์และอีก 20 เรือนในตัวเรือนไวท์โกลด์ประดับเพชรทรงบาแกตต์

 

Rotonde de Cartier Perpetual Calendar

 

Unknown 4

 

Rotonde de Cartier Perpetual Calendar นาฬิกาเพอร์เพทชวลคาเลนดาร์ในตัวเรือนพิงค์โกลด์ขนาด 40.5 มิลลิเมตร ฝาหลังกรุกระจกแซฟไฟร์ หน้าปัดแกะลายกิโยเช่ เข็มบลูด์สตีล กลไกอัตโนมัติอินเฮ้าส์ Calibre 9422 MC ชิ้นส่วน 293 ชิ้น 33 จิวเวล ทำงานที่ความถี่ 28,800 ครั้งต่อชั่วโมง กำลังสำรอง 52 ชั่วโมงบอกวันด้วยเข็มแบบเรโทรกราดที่ตำแหน่ง 6 นาฬิกา และเดือนกับลีพเยียร์ด้วยเข็มบนเคาน์เตอร์ที่ตำแหน่ง 12 นาฬิกา

 

Rotonde de Cartier Flying Tourbillon

 

Unknown 5

 

ตัวเรือนพิงค์โกลด์ขนาด 40 มิลลิเมตร ฝาหลังกรุกระจกแซฟไฟร์ หน้าปัดแกะลายกิโยเช่ เข็มบลูด์สตีลทรงดาบ กลไกไขลานฟลายอิ้งตูร์บิยองอินเฮ้าส์ Calibre 9452 MC ทำงานที่ความถี่ 21,600 ครั้งต่อชั่วโมง 142 ชิ้นส่วน 19 จิวเวล กำลังสำรอง 50 ชั่วโมง บอกวินาทีด้วยส่วนแหลมบนกึ่งกลางตัว C ของกรงตูร์บิยอง รับรองความประณีตของงานด้วยเจนีวาซีล 

 

Santos-Dumont Skeleton pink gold

 

Unknown 6

 

นาฬิกาตัวเรือนพิงค์โกลด์ไร้หน้าปัดขนาด 38.75x47.4 มิลลิเมตร รุ่นนี้ ทำงานด้วยกลไกไขลานอินเฮ้าส์ Calibre 9614 MC ชิ้นส่วน 138 ชิ้น 20 จิวเวล ทำงานที่ความถี่ 28,800 ครั้งต่อชั่วโมง กำลังสำรอง 72 ชั่วโมง ที่วางตัวอยู่บนบริดจ์ซึ่งสลักสเกเลตันเป็นรูปเลขโรมันโดยทำหน้าที่เป็นหลักชั่วโมงไปในตัว มองเห็นทะลุหน้า-หลังด้วยกระจกหน้าและฝาหลังแซฟไฟร์ บอกเวลาด้วยเข็มบลูด์สตีลทรงดาบ

 

The Fine Watchmaking Collection ภาพโดย: Laziz Hamani ©Cartier 2011

 

 

TANK COLLECTION

 

Tank Anglaise Collection

 

Tank Anglaise มากับดีไซน์ทรงป้อมที่บรรจุเอาคุณลักษณะเฉพาะของนาฬิกา Tank ได้แก่สายที่เชื่อมต่อกับตัวเรือนอย่างลงตัว ตัวเลขโรมันบนหน้าปัด และเข็มบลูด์สตีลทรงดาบไว้อย่างเหนียวแน่น โดยเพิ่มเติมดีไซน์ใหม่ๆ ด้วยการนำเม็ดมะยมไปใส่ไว้ภายในแถบคู่ขนานแนวตั้งบนขอบตัวเรือนอย่างกลมกลืน และยังให้ความรู้สึกคล้ายกับล้อของรถถังจริงๆ ด้วย เปิดตัวมาทั้งรุ่น Large Model สำหรับบุรุษและ Medium กับ Small Model สำหรับสตรี โดยมีให้เลือกหลายแบบตามความชื่นชอบที่แตกต่างกัน 

 

Tank Anglaise Medium model

 

20120213 45052092

 

ตัวเรือนไวท์โกลด์ขนาด 29.8 x 39.2 มิลลิเมตร ประดับเพชร หน้าปัดชุบไวท์โกลด์ประดับเพชร กระจกหน้าปัดแซฟไฟร์ สายชุบไวท์โกลด์ประดับเพชร น้ำหนักเพชรรวม 13.3 กะรัต กลไกอัตโนมัติ Calibre 076

 

Tank Anglaise Large Model

20120213 29488340

 

ตัวเรือนไวท์โกลด์ขนาด 36.2 x 47 มิลลิเมตร หน้าปัดแลคเกอร์ซิลเวอร์ กระจกหน้าปัดแซฟไฟร์ สายไวท์โกลด์ กลไกอัตโนมัติอินเฮ้าส์ Calibre 1904 MC ฝาหลังใส

 

Tank Anglaise Small Model

20120213 78812510

ตัวเรือนพิงค์โกลด์ขนาด 22.7 x 30.2 มิลลิเมตร ประดับเพชรน้ำหนักรวม 0.8 กะรัต หน้าปัดแลคเกอร์ซิลเวอร์ กระจกหน้าปัดแซฟไฟร์ สายพิงค์โกลด์ กลไกควอตซ์ Calibre 057

 

 

Tank Folle

 

20120213 94478758

 

Tank Folle งาน Tank สุดสร้างสรรค์จาก CARTIER ที่นำแรงบันดาลใจมาจากรุ่น Crash อันโด่งดังในยุคทศวรรษที่ 1960 โดยยังคงลักษณะตัวเรือนของ หน้าปัดสไตล์พระอาทิตย์ ตัวเลขโรมัน และเข็มบลูด์สตีลทรงดาบของ Tank เอาไว้อย่างเหนียวแน่นแล้วจับมาบิดให้เป็นทรงหยัก!! มาในตัวเรือนไวท์โกลด์ขนาด 29.4 x 33.91 มิลลิเมตร ประดับเพชรรวม 1.6 กะรัต กระจกหน้าปัดแซฟไฟร์ หน้าปัดแลคเกอร์ซิลเวอร์ลายซันเบิร์สท์ สายเป็นผ้าใบสีเทาแอนทราไซต์ประดับเพชรบนบัคเกิ้ล ทำงานด้วยกลไกไขลานอินเฮ้าส์ Calibre 8970 MC ผลิตในจำนวนจำกัด 200 เรือน

 

Tank Louis Cartier XL slimline 

 

Unknown 7

 

จาก Tank Louis Cartier รุ่นดั้งเดิมซึ่งเป็นสัญลักษณ์แห่งความงดงามของยุคทศวรรษ 1920 วันนี้ Tank Louis Cartier ได้รับการขัดเกลาขึ้นใหม่อีกครั้งด้วยเวอร์ชั่น slimline XL ที่หนาเพียง 5.1 มิลลิเมตร บางที่สุดในคอลเลคชั่น Tank เท่าที่เคยผลิตขึ้นมา ตัวเรือนทำจากพิงค์โกลด์ มีขนาด 34.92 x 40.4 มิลลิเมตร หน้าปัดชุบซิลเวอร์ กระจกหน้าปัดไมเนอรัลทำงานด้วยกลไกไขลานอินเฮ้าส์ Calibre 430 MC สวมใส่ด้วยสายหนังจระเข้สีน้ำตาล 

 

Tank Collection ภาพโดย: Daniel Lindh, Vincent Wulveryck © Cartier 2011

 

 

CARTIER D’ART

 

คอลเลคชั่นงานศิลป์แห่งเวลา Cartier d’Art เป็นผลงานแห่งความภาคภูมิใจและอยู่คู่กับประวัติศาสตร์ของแบรนด์มาโดยตลอด จวบจนทุกวันนี้ก็ยังถูกสานต่อด้วยการให้กำเนิดผลงานใหม่ๆ ที่ใช้ทักษะ วัสดุ และเทคนิควิธีการต่างๆ อันหลากหลายสุดแท้แต่ศิลปินจะคิดค้นขึ้นมาประยุกต์ให้เกิดงานปัจเจกศิลป์แห่งเวลาออกมาอย่างไม่หยุดยั้ง และปี 2012 นี้ ก็ถูกนำเสนอออกมา 4 แบบด้วยกัน

 

Rotonde de Cartier 35 mm, white gold, koala motif, straw marquetry

 

Unknown 9  Unknown 10

 

Unknown 11  Unknown 12

 

งานศิลป์ชั้นครูภาพหมีโคอาล่าถูกท่ายทอดลงบนหน้าปัดของ Rotonde de Cartier 35 mm ด้วยนวัตกรรมแห่งวัสดุที่นำมาใช้กับงานนาฬิกาเป็นครั้งแรก นั่นก็คือ การนำเส้นฟางที่ได้รับการคัดสรรเฉพาะที่มีความทนทานและเงางามเป็นพิเศษมาฝานออกเป็นเส้นทีละเส้นด้วยคมมีดและทุบด้วยค้อนบนกระดูกขัดเงาแล้วนำไปย้อมสีน้ำตาลเฉดต่างๆ จนได้ออกมา 7 เฉดตามที่ต้องการ ก่อนจะอัดเข้าด้วยกันให้แน่นและฉลุตกแต่งให้เข้ารูปด้วยเลื่อยเพื่อประกอบเข้าเป็นรูปร่างตามที่ออกแบบไว้ การทำเช่นนี้จะทำให้เกิดความเงางามและความลึกแบบธรรมชาติซึ่งมาจากความหนาของปริมาณฟางที่อัดแน่นเข้าด้วยกัน โดยหน้าปัด 1 ชิ้นจะต้องใช้เวลาทำงานถึง 40 ชั่วโมงเลยทีเดียว ผลิตในจำนวนจำกัด 20 เรือน ในตัวเรือนไวท์โกลด์ประดับเพชร 43 เม็ด น้ำหนักรวม 1.6 กะรัต พื้นหน้าปัดทำจากทองคำ เม็ดมะยมประดับเพชร ทำงานด้วยกลไกไขลานอินเฮ้าส์ Calibre 9601 MC

 

Santos-Dumont XL, white gold, horse motif, gemstone mosaic

 

Unknown 13  Unknown 15

 

Unknown 14  Unknown 16

 

งานศิลป์บนหน้าปัดไวท์โกลด์ของ Santos-Dumont XL ตัวเรือนไวท์โกลด์ กลไกไขลานอินเฮ้าส์ Calibre 430 MC สุดพิเศษรุ่นนี้เกิดจากการนำกระเบื้องโมเสกสีสันงดงาม 2 รูปทรงจำนวนกว่า 400 ชิ้น มาเรียงประกอบเข้าด้วยกัน โดยใช้โมเสกเหลี่ยมชิ้นเล็กๆ มาปูเป็นฐานหน้าปัด และสร้างความเด่นให้กับหน้าปัดด้วยโมเสกทรงอสมมาตรที่นำมาเรียงประกอบบนหัวม้าที่สลักหน้าปัดไวท์โกลด์ให้เป็นภาพด้วยมือ ปล่อยเส้นขอบของคอ แผงคอ และจมูกเอาไว้ และเพ้นท์สีแดงบนสายเทียมม้ากับพู่ หน้าปัดแต่ละชิ้นใช้เวลาในการทำงานกว่า 120 ชั่วโมง ผลิตในจำนวนจำกัด 40 เรือน และอีก 10 เรือนในตัวเรือนประดับเพชรบาแกตต์

 

Rotonde de Cartier 42 mm, white gold, tiger motif, enamel grisaille

 

Unknown 17  Unknown 18

 

Unknown 19  Unknown 20

 

งานหน้าปัดรูปหัวเสือพร้อมใบหน้าบนตัวเรือนไวท์โกลด์ของนาฬิการุ่นนี้รังสรรค์ขึ้นด้วยงานอีนาเมลแบบกรีซายล์ซึ่งเป็นเทคนิคการทำอีนาเมลอันเก่าแก่ด้วยการใช้เฉดสีเทาต่างๆ ตั้งแต่ดำจนถึงขาว ซึ่งต้องใช้เวลาราว 40 ชั่วโมงกว่าจะได้ออกมาแต่ละชิ้น ทำงานด้วยกลไกไขลานอินเฮ้าส์ Calibre 9601 MC ผลิตในจำนวนจำกัด 100 เรือน

 

Large model Tortue, cockatoo motif, engraved mother-of-pearl, champlevé enamel

 

Unknown 21

 

กว่าจะได้งานหน้าปัดแกะสลักริ้วขนและเกล็ดบนเปลือกหอยมุกสีเงินตัดเป็นภาพนกกระตั้ว แต่งแต้มสีสันของตาและจงอยปากด้วยสีดำและสีเหลืองที่ขนบนศีรษะด้วยเทคนิคอีนาเมลแบบชองแปลฟอย่างที่เห็นอยู่นี้ ต้องใช้เวลาการทำงานกว่า 50 ชั่วโมงด้วยกัน นาฬิการุ่นนี้มาในตัวเรือนไวท์โกลด์ประดับเพชร 133 เม็ด น้ำหนักรวม 2.1 กะรัต ทำงานด้วยกลไกไขลานอินเฮ้าส์ Calibre 430 MC ผลิตในจำนวนจำกัด 80 เรือน

 

 

THE HIGH JEWELLERY COLLECTION 

 

Secret watch with sapphire beads and diamonds

 

Unknown 22

 

ตัวเรือนไวท์โกลด์ กลไกควอตซ์ ประดับด้วยลูกปัดแซฟไฟร์จำนวน 634 เม็ด รวม 115.79 กะรัต ร่วมกับเพชร 186 เม็ด น้ำหนักรวม 3.74 กะรัต และเพชรทรงเหลี่ยมอีก 4 เม็ด น้ำหนักรวม 0.49 กะรัต ผลิตขึ้นเพียงเรือนเดียว โดยใช้เวลาราว 500 ชั่วโมงในการผลิต

 

Classic riviere watch in white gold and diamonds

 

Unknown 24

 

ตัวเรือนไวท์โกลด์ กลไกควอตซ์ ประดับด้วยเพชรพรินเซสคัท 14 เม็ด น้ำหนักรวม 1.26 กะรัต เพชรเหลี่ยมพรินเซสคัท 50 เม็ด น้ำหนักรวม 5.21 กะรัต เพชรบริลเลียนท์คัท 116 เม็ด น้ำหนักรวม 3.16 กะรัต และเพชรไดมอนด์เชพ 1 เม็ดใหญ่เป็นหลักชั่วโมงที่ตำแหน่ง 12 นาฬิกา ใช้เวลาในการผลิตราว 250 ชั่วโมง

 

Temps Moderne de Cartier

 

Unknown 25

 

Cartier สร้างนาฬิการุ่นนี้ขึ้นให้มีอารมณ์สนุกสนานเหมือนกันของเล่นที่เรียกร้องให้คนเล่นด้วย หน้าปัดเปลือกหอยมุกตาฮิเตียนเหลือบสีชมพู ฟ้า เขียว และทอง มีเฟืองประดับเพชรหมุนได้ 3 ตัวติดตั้งอยู่บนหน้าปัดซึ่งมีขอบด้านในเป็นเฟืองเพื่อคอยสบให้เฟืองทั้ง 3 หมุนวนไปรอบวงหน้าปัด มีวงหน้าปัดบอกเวลาอยู่ภายในเฟืองตัวใหญ่ จำนวนเพชรรวมทั้งหมด 508 เม็ด น้ำหนักรวม 3.7 กะรัต ตัวเรือนทำจากไวท์โกลด์มีขนาด 42.8 มิลลิเมตร กระจกหน้าปัดแซฟไฟร์ เดินด้วยกลไกควอตซ์ 

 

Cartier d’Art, Secret watch with sapphire beads and diamonds, Classic riviere watch in white gold and diamonds และ Temps Moderne de Cartier ภาพโดย: Studio Dieleman©Cartier 2011

 

Promenade d’une Panthere

 

Unknown 26

 

ตัวเรือนไวท์โกลด์ประดับเพชรขนาด 42 มิลลิเมตร ประดับเพชรบนเม็ดมะยม บัคเกิ้ล และโรเตอร์ จำนวนรวมทั้งหมด 629 เม็ด น้ำหนักรวม 6.9 กะรัต กระจกหน้าปัดคริสตัลแซฟไฟร์ ฝาหลังกรุกระจกใส หน้าปัดเปลือกหอยมุกสีม่วงเข้ม ทำงานด้วยกลไกอัตโนมัติอินเฮ้าส์ Calibre 9603 MC 31 จิวเวล ชิ้นส่วน 204 ชิ้น ทำงานที่ความถี่ 28,800 ครั้งต่อชั่วโมง ซึ่งออกแบบเป็นพิเศษให้โรเตอร์รูปเสือแพนเธอร์ 3 มิติประดับเพชรสุดวิจิตรแต้มลายจุดด้วยแลคเกอร์สีดำมาอยู่ทางด้านหน้าเหนือหน้าปัดบอกเวลาโดยปลายเท้าจะยึดติดอยู่กับขอบตัวเรือนด้านในโดยหมุนเหวี่ยงไปพร้อมกัน

 

Promenade d’une Panterer ภาพโดย: Laziz Hamani © Cartier 2011

 

By: Viracharn T.