The Return of Series, KING SEIKO

ช่วงปี 1960 เป็นช่วงเวลาแห่งความก้าวหน้าสำหรับ SEIKO อย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน ทั้งในด้านการพัฒนาเชิงเทคนิคกลไกและความคิดสร้างสรรค์ด้านการออกแบบ ซึ่งนอกเหนือจากนาฬิกา GRAND SEIKO แล้ว ยังมีนาฬิกาอีกหนึ่งซีรี่ส์ที่แสดงให้เห็นถึงความสามารถ ของบริษัทในการสร้างสรรค์นาฬิกาแบบกลไกที่ผ่านการออกแบบและขัดแต่งอย่างประณีต พร้อมมอบความแม่นยำเที่ยงตรงในระดับสูง ซึ่งผลงานนี้ได้รับการเรียกขานว่า KING SEIKO ที่เป็นอีกหนึ่งในความภาคภูมิใจของ SEIKO

 

Screen Shot 2565 02 03 at 20.30.30

 

เพราะนอกจากความแม่นยำเที่ยงตรงในระดับสูงแล้ว นาฬิกา KING SEIKO ยังได้รับการออกแบบที่ทรงพลัง ซึ่งเต็มไปด้วยความงามสง่า จากโครงสร้างของนาฬิกาที่เป็นเสมือนสัญลักษณ์ แห่งประติมากรรมที่สะท้อนคุณภาพระดับสูง และหลังจากผ่านไปนานกว่าครึ่งศตวรรษ วันนี้นาฬิกา KING SEIKO หวนคืนมาอีกครั้งพร้อมรูปแบบที่สะท้อนถึงคุณภาพอันยั่งยืนของการผลิตนาฬิกากลไก โดยคอลเลคชั่นแรกที่นำเสนอสู่ตลาดในปีนี้จะนำเสนอใน 5 หน้าปัด โดยทุกเรือนจะวางจำหน่ายในประเทศไทยตั้งแต่ช่วงเดือนกุมภาพันธ์ 2022 เฉพาะที่บูติคนาฬิกา SEIKO และ SEIKO Boutique Online เท่านั้น

 

Screen Shot 2565 02 03 at 20.37.24

 

จากคุณค่าการออกแบบที่เป็นบรรทัดฐานในปี 1965 สู่พัฒนาการที่ผสมผสานผ่านเทคโนโลยีและวิศวกรรมกลไกในยุคปัจจุบัน ซึ่งจากผลงานในปี 1965 กับการออกแบบที่กำหนดดีไซน์ของนาฬิกา KING SEIKO ในปัจจุบัน นาฬิการุ่นใหม่ล่าสุดทั้ง 5 แบบหน้าปัดจะเด่นชัดด้วยการออกแบบเหลี่ยมมุม ที่เฉียบคมและสะดุดตาอย่างเห็นได้ชัด โดยได้รับแรงบันดาลใจมาจากนาฬิกา KING SEIKO KSK จากปี 1965 ซึ่งเป็นนาฬิกาในซีรี่ส์ที่สองที่ได้รับการสร้างสรรค์ขึ้น ด้วยการผสมผสานระหว่างหน้าปัดแบนเรียบ หลักชั่วโมงที่ผ่านการเจียระไนดุจเหลี่ยมเพชรและชุดเข็มที่มีความเฉียบคม พร้อมรูปลักษณ์ที่เปี่ยมไปด้วยความประณีตและโดดเด่น

 

Screen Shot 2565 02 03 at 20.32.58

KING SEIKO KSK จากปี 1965

 

โดยมีข้อต่อตัวเรือนที่มีเหลี่ยมมุมคมชัดและพื้นผิวที่เรียบกว้าง พร้อมผ่านการขัดแต่งด้วยการขัดเงาราวกับกระจกจากช่างฝีมือ ผนวกเข้ากับการขัดลายริ้วแฮร์ไลน์ที่ละเอียดอ่อน สร้างสรรค์ความรู้สึกแห่งความเที่ยงตรงแม่นยำได้อย่างชัดเจน โดยหลักชั่วโมงที่ตำแหน่ง 12 นาฬิกาจะมีความกว้างมากกว่าหลักชั่วโมงตำแหน่งอื่นๆ 2 เท่าเพื่อความโดดเด่นและอ่านค่าเวลาได้อย่างชัดเจนที่สุด และยังมีลวดลายบนพื้นผิวหน้าปัดที่ได้รับการรังสรรค์เป็นพิเศษเพื่อให้อ่านค่าเวลาได้อย่างชัดเจนเช่นกัน โดยมีการเพิ่มเทคนิคการขัดเงาแบบพิเศษเพื่อทำให้หน้าปัดมีประกายเจิดจ้าและดึงดูดสายตา

 

 

 

Screen Shot 2565 02 03 at 20.41.07

 

 

 

พร้อมการสร้างสรรค์ใหม่ที่นำเสนอรูปลักษณ์คลาสสิคแต่ยังคงความทันสมัย ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจากนาฬิการุ่น KSK ในปี 1965 โดยตัวเรือนได้รับการรังสรรค์ขึ้นเพื่อให้ผสานเข้ากับกระจกแซฟไฟร์ทรงกล่อง ส่งผลให้นาฬิกาแต่ละเรือนมีความเพรียวบางและงามสง่า พร้อมการเคลือบป้องกันแสงสะท้อนที่พื้นผิวด้านในของกระจกแซฟไฟร์เพื่อช่วยให้การอ่านค่าได้อย่างชัดเจนในทุกมุมมอง โดยสายนาฬิกายังคงรูปแบบดั้งเดิมเพื่อแสดงถึงการเคารพต่อการออกแบบของนาฬิกาในซีรี่ส์ KING SEIKO รุ่นดั้งเดิม เพิ่มความโดดเด่นด้วยเสน่ห์ของรูปทรงและพื้นผิว ที่มีเหลี่ยมมุมชัดเจนเพื่อสะท้อนและเล่นแสงเงาอย่างได้อย่างมีพลัง

 

Screen Shot 2565 02 03 at 20.52.58

 

โดดเด่นด้วยเม็ดมะยมและฝาหลังที่ประดับตราสัญลักษณ์ KING SEIKO ดีไซน์ใหม่ที่ได้แรงบันดาลใจจากนาฬิกา KSK ในปี 1965 โดยนาฬิการุ่นใหม่ทั้ง 5 หน้าปัดสีพร้อมสายแบบต่างๆ จะมีตัวเรือนที่มีรูปลักษณ์เหมือนกันแต่มีหน้าปัดสีที่ต่างกันออกไป หนึ่งในนั้นยังคงมีหน้าปัดโทนสีเงินแบบดั้งเดิมของนาฬิกา KSK จากปี 1965 เอาไว้ โดยเพิ่มหน้าปัดสีเทาอ่อน, สีเทาชาร์โคล, สีน้ำตาล และสีแดงเข้ามา โดยหน้าปัดสีเทาอ่อนจะโดดเด่นเป็นพิเศษด้วยลวดลายจากการขัดแต่งแบบแฮร์ไลน์ ในขณะที่อีก 4 แบบจะงดงามด้วยการตกแต่งและเล่นแสงด้วยสีแบบซันเรย์ ที่ทำให้นาฬิกามีหน้าปัดที่สะท้อนแสงสวยงามเป็นพิเศษ

 

Screen Shot 2565 02 03 at 20.54.55

 

นาฬิกา KING SEIKO ทำงานด้วยกลไกอัตโนมัติอินเฮ้าส์คาลิเบอร์ 6R31 ที่ความถี่ 21,600 ครั้งต่อชั่วโมง ให้พลังสำรองลานนาน 70 ชั่วโมง พร้อมความสามารถในการกันน้ำที่ระดับ 10บาร์ และความสามารถในการป้องกันสนามแม่เหล็กไฟฟ้าที่ 4,800 A/m โดยมีตัวเรือนและสายผลิตจากสตีลในขนาด 37 มิลลิเมตร หนา 1.2 มิลลิเมตร กรุกระจกแซฟไฟร์ทรงกล่อง พร้อมเคลือบสารกันแสงสะท้อน ผนึกฝาหลังแบบขันเกลียว

 

Screen Shot 2565 02 03 at 20.34.24

 

นาฬิกา KING SEIKO จะมาพร้อมสายหนังแท้ดีไซน์พิเศษที่มีให้เลือก 3 สี 3 แบบทั้งเทา, ดำ, น้ำตาล โดยจะมีเฉพาะในประเทศไทย และจะจำหน่ายเป็นทางเลือกสำหรับผู้ที่ต้องการเปลี่ยนสาย หรือหาสายสำรองเพื่อใช้งานในอีกรูปแบบ โดยจะมีราคาจำหน่ายในประเทศไทยที่ 64,000 บาท และสายหนังแท้ที่ราคา 5,500 บาท ซึ่งสามารถเลือกชมแบบ สีหน้าปัด และทดลองเลือกเปลี่ยนสายได้ที่ https://www.seikowatches.com/global-en/products/kingseiko/special/simulator/ หรือสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่โทรศัพท์02-2551245-50 ต่อ 888 และ Line ID: @seiko_thailand

 
Screen Shot 2565 02 03 at 20.37.05