Factory Visit to SEIKO GROUP, Part II

 

SEIKO Instrument Incorporation (SII) หรือที่เรียกกันว่าโรงงาน SEIKO โมริโอกะ ตั้งอยู่ในเขตชิสึกุอิชิ ก่อตั้งขึ้นในปี 1987 ซึ่งเป็นการย้ายฐานการผลิตอย่างสมบูรณ์แบบ หลังจากมีการย้ายฐานการผลิตมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 1970 เป็นต้นมา

 

S 11509801    

SII เป็นโรงงานของ SEIKO GROUP โดยเป็นฐานการผลิตของผลิตภัณฑ์ประเภทนาฬิกา กลไกนาฬิกา อุปกรณ์ที่ใช้ควอท์ซในการขับเคลื่อน เครื่องพิมพ์แบบต่างๆ เครื่องมือประเภทจักรกล รวมไปถึงอุปกรณ์ไร้สายเพื่อการติดต่อประเภทต่างๆ มากมาย

  

S 11509786

  

ซึ่ง SII ก็เป็นหนึ่งในโรงงานสำคัญของ SEIKO ในการผลักดันนาฬิกา GRAND SEIKO ให้มีความสมบูรณ์แบบในทุกด้าน ตามปรัชญาการสร้างที่มีมาตั้งแต่การนำเสนอนาฬิกา GRAND SEIKO เรือนแรกสู่ตลาดในปี 1960 เพื่อเป็นนาฬิกาที่ดีที่สุดในทุกด้าน

  

S 11509790

  

สำหรับในส่วนของผลิตภัณฑ์ประเภทนาฬิกา ในปี 2004 SII ได้เปิดทำการชิสึกุอิชิว็อชสตูดิโอขึ้น เพื่อส่งเสริมวิถีการผลิตนาฬิการะดับสูงเพิ่มมากขึ้น จนเป็นที่มาของแผนกวิจัยและพัฒนา รวมไปถึงสายการผลิตกลไกในคาลิเบอร์ 9S ที่รู้จักกันดีในปัจจุบัน

  

S 11509791

  

และหนึ่งในปัจจัยสำคัญนั้นก็คือด้านความเที่ยงตรง โดย SII ถือเป็นโรงงานที่ผลิตกลไกแบบแมคคานิคทั้งหมดนั่นก็คือคาลิเบอร์ 9S ที่มีทั้งความสวยงามและความเที่ยงตรง พร้อมฟังก์ชั่นการใช้งานที่เหมาะกับการใช้ในชีวิตประจำวัน ทั้งหน้าต่างแสดงวัน วันที่ หรือจีเอ็มที

 

S 11509793  

ทั้งยังมีความพร้อมด้านความงดงามของเรือนนาฬิกา ทั้งจากเข็มนาฬิกาและมาร์กเกอร์ที่เงางามและโดดเด่น รวมทั้งหน้าต่างวันและวันที่ ที่มองเห็นได้ชัดเจนและจัดวางในตำแหน่งขอบสุดของหน้าปัด ที่ช่วยทำให้เรือนนาฬิกามีองค์ประกอบที่สวยงามมากขึ้น จากกลไกที่ใหญ่เต็มตัวเรือน

  

S 11509794

 

นอกจากนี้นาฬิกา GRAND SEIKO ยังต้องมีความโดดเด่นด้านความงดงาม อันมาจากการออกแบบที่เป็นลักษณะเฉพาะเสมอมาของ GRAND SEIKO รวมถึงการขัดแต่งแบบซารัทซึอันเป็นเอกลักษณ์สำคัญ และหน้าปัดแบบสโนว์เฟลค รวมทั้งภูเขาอิวาเตะ ที่มีแรงบันดาลใจมาจากธรรมชาติรอบโรงงานแห่งนี้

 

S 11509797

 

S 11509799

 

โดยสำหรับเรื่องของกลไกนั้น SII มีการพัฒนาชิ้นส่วนสำคัญสำหรับกลไกอย่างต่อเนื่อง ชิ้นส่วนสำคัญชิ้นหนึ่งคือบาลานซ์สปริง ที่ทาง SEIKO เรียกว่าสปรอน (Spron) ที่มีการสาธิตการดึงสปริงออกจากวงบาลานซ์ในระยะเท่ากัน โดยเทียบให้เห็นระหว่างสปริงทั่วๆ ไปและสปรอน ที่มีประสิทธิภาพสูงกว่าอย่างเห็นได้ชัด โดยสปรอนรหัส 530 จะใช้สำหรับเมนสปริง และสปรอนรหัส 610 จะใช้สำหรับบาลานซ์สปริง

 

S 11517980

 

S 11517982

 

และอีกเทคโนโลยีอันโดดเด่นจาก SII แห่งนี้ ก็คือเมมส์ (MEMS - Micro Elctro Mechanical System) ที่มาจากการสร้างให้พาเล็ทฟอร์ค และเอสเคปเม้นท์วีล มีรูปแบบที่เหมาะสมกับการทำงานมากขึ้น ทั้งช่องว่างของแต่ละซี่สำหรับการกักเก็บน้ำมันหล่อลื่น และรูปทรงที่เข้าเหลี่ยมกันได้อย่างสมบูรณ์แบบ อันจะเป็นผลต่อเนื่องในการทำให้เกิดประสิทธิภาพที่สูงขึ้น แม้กลไกจะต้องทำงานที่ความเร็วในระดับไฮบีทก็ตาม

 

S 11509802  

นอกจากนี้กลไกในคาลิเบอร์ 9S6 ที่ทำงานด้วยความถี่ 28,800 รอบต่อชั่วโมง พร้อมพลังสำรองลานนาน 72 ชั่วโมง ก็มีการพัฒนามาอย่างต่อเนื่อง โดยปัจจุบันกลไกที่อยู่ในสายการผลิต มีตั้งแต่กลไกไขลานคาลิเบอร์ 9S64 แบบสามเข็ม, กลไกอัตโนมัติคาลิเบอร์ 9S31 แบบสามเข็ม, กลไกอัตโนมัติคาลิเบอร์ 9S65 แบบสามเข็มพร้อมจานดิสก์แสดงวันที่, กลไกคาลิเบอร์ 9S68 พร้อมจานดิสก์แสดงวันที่ขนาดใหญ่ และกลไกคาลิเบอร์ 9S66 พร้อมเข็มแสดงเวลาจีเอ็มที

  

S 11509803

 

พร้อมกันนั้นยังมีสายการผลิตกลไกคาลิเบอร์ 9S8 ไฮบีท ที่ทำงานด้วยความถี่ 36,600 รอบต่อชั่วโมง พร้อมพลังสำรองลานนาน 55 ชั่วโมง ประกอบด้วยกลไกอัตโนมัติคาลิเบอร์ 9S85 แบบสามเข็มพร้อมจานดิสก์แสดงวันที่ และกลไกคาลิเบอร์ 9S86 พร้อมเข็มแสดงเวลาจีเอ็มที

  

S 11509804

  

ดังนั้น SII จึงถือเป็นโรงงานสำคัญของ SEIKO GROUP และนาฬิกา GRAND SEIKO ที่ถูกนำเสนอออกสู่ตลาดทั่วโลก กับภาพลักษณ์ส่วนหนึ่งของนาฬิกาแบบกลไก ทั้งแบบไขลานและแบบอัตโนมัติ รวมถึงการทำงานในระดับความถี่ 28,800 รอบต่อชั่วโมง (ที่หน้าปัดจะแสดงกำกับว่า Automatic) และการทำงานในระดับความถี่ 36,000 รอบต่อชั่วโมง (ที่หน้าปัดจะแสดงกำกับว่า Automatic Hi-Beat 36000) ที่นับว่ามีประวัติการพัฒนาการที่ยาวนานแบรนด์หนึ่งเลยทีเดียว โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเทียบกับนาฬิกาจากทางฟากยุโรป

  

กรุณาติดตามบทความตอนต่อไปในเดือนกุมภาพันธ์