ULYSSE NARDIN Blast Hourstriker นาฬิกาที่ทลายซึ่งกำแพงกั้นแห่งเสียง

ในสมัยก่อนเมื่อนาฬิกาคล็อกตีระฆังบอกเวลา นั่นคือหัวใจสำคัญของทุกๆ เมืองในยุคกลาง โดยนาฬิกาคล็อกเหล่านี้ล้วนรังสรรค์ขึ้นโดยช่างฝีมือผู้ปราดเปรื่อง จนผ่านการจำลองย่อส่วนเพื่อสร้างสรรค์เป็นนาฬิกาคล็อกภายในบ้าน และจากนั้นจึงนำมาสู่การรังสรรค์เรือนเวลาสำหรับถือหรือพกพา ซึ่งแม้ว่าจะมีขนาดที่เล็กลง แต่ก็ยังคงสามารถตีระฆังเพื่อบอกเวลาที่ล่วงผ่านได้ ที่ในวันนี้ ULYSSE NARDIN ปรารถนาที่จะให้ได้ยินเสียงแห่งเวลานี้อีกครั้ง ไม่ใช่เพียงการอ่านค่าเวลา

 

BLAST HOURSTRIKER 21

 

โดยศิลปะแห่งการบอกเวลาด้วยเสียงดนตรีนี้ ได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของคลังความเชี่ยวชาญด้านเทคนิคของแบรนด์ ซึ่งถูกปลุกฟื้นขึ้นมาใหม่ในช่วงปี 1980s ภายใต้แรงผลักดันของ Mr. Rolf Schnyder และนำมาสู่การเปิดตัวครั้งใหม่ในปี 2019 เมื่อมีการจับมือกับบริษัทด้านเทคโนโลยีเสียงจากฝรั่งเศส DEVEALET เพื่อร่วมกันยกระดับ และสร้างสรรค์เสียงแห่งการประดิษฐ์นาฬิกาไปอีกขั้น ด้วยการเปิดตัวนาฬิการุ่น Classico Hourstriker Phantom 

 

Screen Shot 2564 04 12 at 20.37.12

 

และแม้เป็นการสร้างสรรค์ที่เกิดขึ้นมาแล้วเป็นเวลาหลายปี แต่ ULYSSE NARDIN ก็ยังคงค้นหาซึ่งวิถีใหม่ของการสร้างเสียง ซึ่งนำมาสู่การเปิดตัวแนะนำเรือนเวลา Blast Hourstriker นวัตกรรมใหม่ของนาฬิกาตีระฆังบอกเวลา ที่ทลายซึ่งกำแพงขีดข้อจำกัดด้านเทคโนโลยีแห่งเสียงได้สำเร็จในปีนี้ โดย Mr. Patrick Pruniaux ซีอีโอของ ULYSSE NARDIN ได้ทางเลือกใหม่ขึ้นอีกครั้ง กับการรังสรรค์เสียงในวิถีใหม่แห่งอนาคต และร่วมตีความแบบใหม่ให้กับศิลปะงานฝีมือแห่งประเพณีการประดิษฐ์นาฬิกา

 

Screen Shot 2564 04 12 at 20.37.58

 

ซึ่งแต่เดิมนั้น เพื่อสร้างเสียงสำหรับแสดงเวลา ค้อนจะตีลงบนฆ้องลวดที่พันอยู่รอบกลไกและเชื่อมต่อกัน โดยคลื่นเสียงจะกระจายเข้าสู่ศูนย์กลางของกลไก ขณะที่บางส่วนถูกดูดซับไปโดยชิ้นส่วนต่างๆ ซึ่งภายใต้สภาวะเหล่านี้ เสียงที่ได้ยินจะขาดซึ่งพลังและความกลมกลืนของเสียงบางส่วน ที่อาจฟังดูคลุมเครือไม่ชัดเจนอันเนื่องมาจากวัสดุต่างๆ ของนาฬิกาโดยเฉพาะอย่างยิ่งตัวเรือน ดังนั้นสำหรับ Blast Hourstriker ทีมวิศวกรของ ULYSSE NARDIN จึงตัดสินใจที่จะพิชิตซึ่งความท้าทายสองข้อนั่นคือ

 

Screen Shot 2564 04 12 at 20.37.38

 

หนึ่ง การทำให้จักรกลตีระฆังสามารถมองเห็นได้บนด้านหน้าปัด และสอง การพัฒนาพร้อมปรับปรุงอัตราส่วนระหว่างคุณภาพ/พลัง ซึ่งเป็นความท้าทายที่เคยมีมาแล้วกับนาฬิกา Classico Hour Striker Phantom และเป็นที่มาของการพัฒนากลไกคาลิเบอร์ UN-621 ขึ้น เพื่อรับประกันได้ถึงความเที่ยงตรงแม่นยำสูงสุดของกลไกจักรกลตีระฆังบอกเวลาอัตโนมัติ ที่ผลิตภายในโรงงานของตนเองเป็นชุดแรกของ ULYSSE NARDIN พร้อมชุดฟลายอิ้งตูร์บิยอง และการใช้บาลานซ์วีลแบบทดแรงเฉื่อยแปรผัน

 

Screen Shot 2564 04 12 at 20.37.24

 

รวมถึงซิลิคอนแฮร์สปริง, อังคอร์ และเอสเคปวีล ด้วยเส้นสายอันร่วมสมัยที่ได้รับการปรับปรุงให้มีความเพรียวบางขึ้น พร้อมทั้งประทับด้วยสัญลักษณ์ 'X' ที่สัมพันธ์ไปกับเหล่าเรือนเวลาเจเนอเรชั่นล่าสุดของแบรนด์ โดยมีชิ้นส่วนประกอบรวมกันถึง 330 ชิ้น เพื่อให้กลไกจักรกลอันซับซ้อนสูงนี้ สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจนบนหน้าปัด แทนที่จะถูกซ่อนไม่ให้มองเห็นเหมือนทั่วไป ซึ่งจะทำให้ชิ้นส่วนต่างๆ ทำงานประสานกันราวกับการเต้นระบำอย่างสวยงามของจักรกล

 

Screen Shot 2564 04 12 at 20.36.01

 

จากเสียงของที่สามารถมองเห็นการทำงานได้ ณ เวลาชั่วโมงและครึ่งชั่วโมง หรือเมื่อเปิดใช้งานตามต้องการ โดยการกดลงบนปุ่มที่ติดตั้งอยู่ ณ ตำแหน่ง 10 นาฬิกา ที่จะเป็นการเปิดใช้งานจักรกลตีระฆังที่ขับเคลื่อนโดยพลังงานจากกระปุกลาน โดยรางชั่วโมง และตัวควบคุมแรงเฉื่อยจะเริ่มหมุน จากนั้นค้อนต่างๆ ซึ่งสามารถมองเห็นได้บนช่องหน้าต่างเปิดที่สร้างไว้ ณ ตำแหน่ง 12 นาฬิกา ก็จะตีลงบนฆ้องซึ่งมีรูปทรงที่ออกแบบขึ้นอย่างพิถีพิถัน เพื่อส่งผ่านไปยังกรงของฟลายอิ้งตูร์บิยองต่อไป

 

Screen Shot 2564 04 12 at 20.36.18

 

และท้ายสุดเพื่อให้มั่นใจได้ถึงประสิทธิภาพของเสียง ที่จะสามารถได้ยินได้อย่างสมบูรณ์ กลไกชุดนี้จึงผสานด้วยผนังเสียงหรือเมมเบรนที่สร้างจากไทเทเนียม ที่พัฒนาขึ้นโดยความร่วมมือของ DEVEALET  บริษัทด้านเทคโนโลยีเสียงชื่อดังจากฝรั่งเศส ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ร่วมก่อตั้งที่เป็นทายาทโดยตรงมาจากครอบครัว ULYSSE NARDIN ขณะที่สัญลักษณ์ X คู่ ของคอลเลคชั่น Blast นี้ยังตัดลงบนฝาหลังโรสโกลด์ เพื่อให้มั่นใจถึงการปกป้อง และความปลอดภัยของผนังเสียงอันบอบบางดุจเครื่องขยายเสียง

 

Screen Shot 2564 04 12 at 20.35.46

 

กับนาฬิกาตัวเรือนขนาด 45 มิลลิเมตร บรรจุชิ้นส่วนท่อนกลางที่ผลิตจากไทเทเนียมเคลือบดีแอลซีสีดำ และผนึกชิ้นส่วนด้านบนด้วยโรสโกลด์ เพื่อพัฒนาปรับปรุงเสียงที่ได้ ขณะที่เพื่อเข้าสู่โหมดเงียบของเรือนเวลานี้ สามารถทำได้โดยผ่านปุ่มกดที่ตำแหน่ง 8 นาฬิกาบนชิ้นส่วนตัวเรือนกลาง โดยกดลงหนึ่งครั้ง จากนั้นจึงเลือกตำแหน่ง เปิด ('On') หรือปิด ('Off') ณ ปลายของเข็มชี้ตัวเลือกฟังก์ชั่นที่ตำแหน่ง 8 นาฬิกา ประกอบคู่มากับสายสามแบบ ที่ช่วยให้นาฬิกาเหล่านี้มีบุคลิกที่แตกต่างกันมากขึ้น

 

Screen Shot 2564 04 12 at 20.38.13

 

ทั้งตัวเลือกของสายกำมะหยี่สีดำกันน้ำสุดไฮเทค ตอกย้ำถึงความปราดเปรียวและทรงพลังของนาฬิกา ขณะที่สายหนังจระเข้มอบอีกด้านของบุคลิกที่ทันสมัยยิ่งกว่า และนอกจากนี้ยังมีสายยางที่สามารถเลือกจับคู่ได้อย่างงดงามเช่นกัน โดยจะมีราคาจำหน่ายในสวิตเซอร์แลนด์ที่เรือนละ 99,000 สวิสฟรังก์

 

Ulysse Nardin Blast Hourstriker Gold Skeleton Chiming Watch 2021 11